ลอเรนซ์ โจเซฟ เอลลิสัน (อังกฤษ: Lawrence Joseph Ellison เกิด 17 สิงหาคม 2487 รู้จักโดยทั่วไปว่า ลาร์รีย์ เอลลิสัน) เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน และนักการกุศลชาวอเมริกัน เป็นผู้จัดตั้ง ประธานบริหาร และหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของออราเคิลคอร์ปอเรชัน โดยเดือนสิงหาคม 2560 นิตยสารฟอบส์จัดเขาเป็นคนรวยที่สุดอันดับ 5 ในสหรัฐอเมริกาและอันดับ 7 ในโลก โดยมีทรัพย์สมบัติถึง 61,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,008,500 ล้านบาท)[3]เอลลิสันเกิดในนครนิวยอร์กและโตขึ้นในเมืองชิคาโก เขาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์และมหาวิทยาลัยชิคาโก แต่ไม่จบการศึกษาก่อนย้ายไปอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2509 เมื่อกำลังทำงานให้แก่บริษัท Ampex ในต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 ความสนใจในงานวิจัยฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ของ ดร. Edgar F. Codd ได้ทำให้เขาจัดตั้งบริษัทซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นออราเคิลคอร์ปอเรชันในปี 2520 บริษัทได้ขายระบบฐานข้อมูลในระดับล่างจนถึงกลาง แข่งขันกับ Sybase และ ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นเหตุให้นิตยสารฟอบส์จัดเขาว่าเป็นคนมั่งคั่งที่สุดคนหนึ่งในโลกเอลลิสันได้บริจาคทรัพย์ของเขา 1% ให้กับการกุศลและได้ลงนามกับองค์กรสัญญาว่าจะให้ (The Giving Pledge) ซึ่งผู้ลงนามปกติสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแก่สาธารณกุศลไม่ว่าจะเมื่อยังมีชีวิตอยู่หรือเมื่อเสียชีวิต นอกจากงานที่บริษัท เอลลิสันยังประสบความสำเร็จในการแข่งเรือยอชต์โดยเป็นส่วนของทีม Oracle Team USA เขามีใบอนุญาตขับเครื่องบินและเป็นเจ้าของเครื่องบินไอพ่นทหาร 2 ลำ[4]
Source: ลาร์รีย์ เอลลิสัน – วิกิพีเดีย
สำหรับคนส่วนใหญ่
Elon Musk คือ Iron Man
ในโลกความเป็นจริง
แต่สำหรับ AHEAD.ASIA
และหลายคนที่คลุกคลี
กับโคตรผู้ประกอบการสายเทค
กลับคิดว่ามีคนที่เหมาะสมกว่า…
และเขาคนนั้นคือ…….
สามารถรับชมทาง YouTube ได้แล้วที่ :
Larry Ellison นี่แหละ Iron Man ตัวจริงไม่ใช่ Elon Musk – AHEADER CLIPS
Oracle เปลี่ยนยุค ผู้ก่อตั้ง Larry Ellison ลาออกจาก CEO ตลอดกาล
http://www.forbesthailand.com/news-detail.php?did=134
https://mgronline.com/around/detail/9550000076226
“แลร์รี เอลลิสัน” ซีอีโอคนดัง “ออราเคิล” ทุ่มเงิน 1.9 หมื่นล้านซื้อเกาะส่วนตัว
เป็นที่คาดกันว่า ราคาซื้อขายอาจอยู่ระหว่าง 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (15,830-19,000ล้านบาท) และมีการแจ้งเรื่องการทำธุรกรรมดังกล่าวไปยังสำนักงานของนายนีล เอ. แอเบอร์ครอมบี ผู้ว่าการมลรัฐฮาวายคนปัจจุบันแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ เกาะลาไนถือเป็นเกาะขนาดเล็กของมลรัฐฮาวาย ที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 3,200 คน โดยเกาะซึ่งเคยมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นแหล่งปลูกสับปะรดแห่งนี้ มีเมืองตั้งอยู่เพียงเมืองเดียว คือ ลาไน ซิตี และมีเนื้อที่ทั้งเกาะเพียง 364 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
https://mgronline.com/around/detail/9550000076226
แลร์รี่ เอลลิสัน เผยวิสัยทัศน์เรื่องอนาคตของคลาวด์ ออราเคิลนำเสนอระบบคลาวด์ Gen 2 สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมการทำงานแบบออโตโนมัส ความปลอดภัยที่เหนือกว่า เปี่ยมประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่าย
นายแลร์รี่ เอลลิสัน ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของออราเคิล กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน Oracle OpenWorld พร้อมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับระบบคลาวด์เจนเนอเรชั่น 2 (Gen 2) ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ และมีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีและความปลอดภัยมากกว่าระบบคลาวด์อื่นใดที่มีอยู่ในตลาด
ระบบคลาวด์เจนเนอเรชั่น 1 สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีที่ใช้งานมานานเกือบทศวรรษ ในขณะที่ระบบคลาวด์ Gen 2 ของออราเคิลได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถรันเวิร์กโหลดที่ต้องการมากที่สุดได้อย่างปลอดภัย ด้วยสถาปัตยกรรมและความสามารถที่โดดเด่น Oracle Cloud จึงสามารถนำเสนอความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เหนือกว่า นอกจากนี้ มีเพียง Oracle Gen 2 Cloud เท่านั้นที่สร้างขึ้นเพื่อทำงานกับระบบฐานข้อมูล Oracle Autonomous Database ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวที่ขับเคลื่อนการทำงานด้วยตนเอง
โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Cloud Infrastructure) เป็นพื้นฐานในการทำงานของระบบคลาวด์ Gen 2 ของออราเคิล ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรันเวิร์กโหลดระดับองค์กรอย่างปลอดภัย บริการ IaaS ที่ทันสมัยของออราเคิลให้การสนับสนุนแบบเนทีฟสำหรับ Oracle Autonomous Database และยกระดับการรักษาความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น โดยครอบคลุมตั้งแต่เครือข่ายส่วนแกนหลักไปจนถึงส่วนรอบนอก เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง
เอลลิสันได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของการป้องกันทางไซเบอร์ ซึ่งเขาระบุว่า “ยังไม่ดีพอ” ในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญนี้ เอลลิสันได้เปิดตัวบริการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ บนOracle Cloud Infrastructure ซึ่งทำงานแบบอัตโนมัติ สามารถตรวจจับและคาดการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัย เอลลิสันตอกย้ำถึงความปลอดภัยที่เหนือกว่าของ Oracle Cloud โดยอธิบายว่าระบบฐานข้อมูล Oracle Autonomous Database จะสแกนหาภัยคุกคามด้านความปลอดภัย และติดตั้งการอัพเดตด้านความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการป้องกันการโจมตีทางคอมพิวเตอร์และการโจรกรรมข้อมูล
นอกจากนี้ เอลลิสันยังได้กล่าวถึง Oracle Autonomous Database ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลที่มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก Oracle Autonomous Database ปฏิวัติการจัดการฐานข้อมูล โดยทำหน้าที่บริหารจัดการ ปรับแต่ง และแก้ไขจุดบกพร่องโดยอัตโนมัติ จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วมากขึ้นบนแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูง และเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนที่ใช้งานจริงเท่านั้น
เอลลิสันได้แสดงตัวอย่างของตัวเลือกการติดตั้งใหม่ๆ เช่น Exadata Cloud Infrastructure และ Cloud at Customer ซึ่งขยายขีดความสามารถด้าน Autonomous Database ของออราเคิล โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะติดตั้ง Autonomous Database บน Dedicated Exadata Cloud Infrastructure สำหรับการแยกเวิร์กโหลด เพื่อรองรับความปลอดภัยและเสถียรภาพที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับเวิร์กโหลดที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงาน ส่วน Oracle Autonomous Database Cloud at Customer เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการย้ายไปสู่ระบบคลาวด์สาธารณะ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องกฎระเบียบ แต่ต้องการใช้ประโยชน์จาก Oracle Autonomous Database ในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเอง
นอกจากนี้ เอลลิสันยังได้แสดงผลการทดสอบประสิทธิภาพในช่วงของการสาธิตสั้นๆ โดยเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างเทคโนโลยีของออราเคิลและ Amazonการทดสอบประสิทธิภาพดังกล่าวเปรียบเทียบ Oracle Autonomous Database กับผลิตภัณฑ์หลักจาก Amazon นั่นคือ ระบบฐานข้อมูลของออราเคิลที่รันบน Amazon Relational Database Service (RDS), Amazon Aurora และ Amazon Redshift การเปรียบเทียบโดยตรงยังแสดงให้เห็นว่า Oracle Autonomous Database สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงักระหว่างการอัพเดตฐานข้อมูล นับเป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่างระหว่าง SLA ด้านเสถียรภาพและความพร้อมใช้งานของ Amazon ที่ 99.95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่รวมสาเหตุส่วนใหญ่ของกรณีระบบหยุดทำงานตามแผนที่วางไว้และกรณีที่ไม่ได้วางแผนไว้ กับการรับประกัน SLA ของออราเคิลที่สูงถึง 99.995 เปอร์เซ็นต์
– “เป้าหมายในการออกแบบระบบคลาวด์ Gen 2 ของออราเคิล คือ การสร้างหนึ่งแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับการรันทุกสิ่ง ซึ่งอาจฟังดูง่าย แต่ที่จริงแล้วทำได้ยากมากในการสร้างระบบคลาวด์ที่ปลอดภัย ทั้งยังต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมพื้นฐานของระบบคลาวด์ของเรา”
– “เราใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) รุ่นล่าสุดมากมายเพื่อค้นหาภัยคุกคาม และตอนนี้คุณไม่ได้ต่อสู้กับภัยคุกคามโดยถูกมัดมือไพล่หลังอีกต่อไป”
– “ขณะที่เราเปลี่ยนย้ายจากระบบประมวลผลเจนเนอเรชั่นหนึ่งไปยังเจนเนอเรชั่นถัดไป เป้าหมายของเราคือการปกป้องเงินลงทุนของคุณในข้อมูลและแอปพลิเคชั่นต่างๆ และเพิ่มความสะดวกในการยกระดับและย้ายไปสู่เจนเนอเรชั่นถัดไป และเราทำอย่างนั้นกับระบบคลาวด์ Gen 2”
– “ด้วย Oracle Autonomous Database ไม่มีอะไรที่จะต้องเรียนรู้ใหม่หรือดำเนินการเพิ่มเติม จึงเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอย่างแท้จริง และนักพัฒนาจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ระบบของคุณจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และไม่มีปัญหาระบบหยุดทำงานอีกต่อไป”
ออราเคิลคลาวด์นำเสนอแอปพลิเคชั่นที่เป็น Software as a Service (SaaS) ครบวงจรสำหรับระบบวางแผนการใช้ทรัพยากรขององค์กร (ERP) ระบบบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรบุคคล (HCM) และระบบบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้า (CX) รวมถึง Platform as a Service (PaaS) ด้านดาตาเบสชั้นนำ และ Infrastructure as a Service (IaaS) จากดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออราเคิล (NYSE:ORCL) ได้ที่ www.oracle.com
อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/prg/2904536